เขียนโดย admin phetchabunpao วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2011 เวลา 14:29 น.
มนต์เสน่ห์แห่งการพักผ่อน บนเส้นทางสายโรแมนติก...
หลายสิบปีที่ผ่านมา "เขาค้อ" ได้แปลงโฉมกลายเป็นเมืองแห่งท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ สมกับฉายา "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" เขาค้อไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง หากตั้งใจมาพักผ่อนกับครอบครัว หรือคนรู้ใจการนอนชมดาวยามค่ำคืน สูดอากาศสดชื่นให้เต็มปอด ตื่นเช้ามาชมทะเลหมอกที่ลอบอ้อยอิ่งปลายขอบฟ้า นั่งจิบกาแฟรสเยี่ยมมองคลื่นทะเลภูเขาที่หน้าต่างรีสอร์ท เหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนของมนต์เสน่ห์ของเขาค้อที่มิอาจพรรณนาได้หมด
การมาชาร์จแบตฯ เติมพลังให้กับชีวิตในวันหยุดยาวๆ 2-3 วันที่นี่ ถือว่าสุดคุ้ม เพราะเนื่องจากระยะทางที่ไม่ไกลมากนักจากกรุงเทพฯ ทำให้การเดินทางมาเขาค้อสะดวกสบายไม่ต้องนั่งรถไกลให้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าก็ได้รับบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติก บวกกับค่าที่พักซึ่งไม่แพงมากนัก ที่สำคัญเขาค้อยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้นักท่องเที่ยวได้ตะลอนทัวร์ตะลอนเที่ยวชมความงามของธรรมชาติ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สะท้อนเรื่องราวแต่ครั้งอดีตของเขาค้อได้ตลอดทั้งวัน
อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ
"สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้รอดพ้นจากผู้หลงผิดคิดร้ายต่อประเทศชาติ..."
|
ไม่ว่าจะเป็น อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดทูนวีรกรรมของพลเรือนตำรวจ ทหาร ที่ได้เสียสละเลือดเนื้อและชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยให้รอดพ้นจากผู้หลงผิดคิดร้ายต่อประเทศชาติในเขตพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด คือ พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-เลย หรือ พิพิธภัณฑ์อาวุธ อดีตที่แห่งนี้เคยเป็นฐานปืนใหญ่ ยิงสนับสนุนการสู้รบ แต่วันนี้กลายเป็นที่ตั้งของอาวุธ
เพราะหุบเขาคือชัยภูมิที่ตั้งที่เหมาะแก่การจัดตั้งกองกำลัง ทหารฝ่ายคอมมิวนิสต์ จึงใช้เป็นพื้นที่ในการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ จนทำให้เกิดสงครามการต่อสู้ที่ยืดยาวนาน จวบจนกระทั่งปี 2524 เสียงปืนจึงได้สงบลงจากเมืองแห่งสงคราม กาลเวลาค่อยๆ เปลี่ยนเขาค้อให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแต่บนสมรภูมิเมื่อวันวานย่อมมีการสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อ สถานที่ท่องเที่ยวเขาค้อในวันนี้จึงเป็นอนุสรณ์แห่งการสู้รบมากมายให้รำลึกนึกถึงความหลัง
สงครามที่เสียหายในระหว่างสู้รบ เช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ 5 รถสายพานลำเลียงพล ปืนใหญ่ ฯลฯ นับว่าเป็นพิพิธภัณฑ์การสู้รบกลางแจ้งที่ทันสมัยแห่งหนึ่ง
อีกทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่าง "น้ำตกศรีดิษฐ์" น้ำตกสวยขนาดใหญ่ มีน้ำตกตลอดทั้งปี ก็ยังมีร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์ให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะเดิมเคยเป็นที่อยู่ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ซึ่งยังปรากฏหลักฐานและสิ่งของเครื่องใช้หลายอย่างในบริเวณน้ำตก เช่น ครกตำข้าวที่ คกค. สร้างขึ้นโดยใช้
พระตำหนักเขาค้อ เพื่อพ่อหลวง...ของเรา
ที่ตั้งอยู่บนบริเวณเขาย่า คือสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาเยือนเขาค้อต้องแวะมาเยือน แต่จะมีใครรู้บ้างว่าจุดเริ่มต้นของการก่อสร้างพระตำหนักเขาค้อนั้นมีผลพวงมาจากตำนานการสู้รบบนขุนเขาแห่งนี้เช่นกัน เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงประกอบพิีธีเปิดอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ทรงปรารภกับ พล.ท.พิจิตร กุลละวณิชย์(ยศขณะนั้น) แม่ทัพภาคที่ 1 และนายจำเนียร ปฏิเวชวรรณกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ในขณะนั้นว่าบริเวณเขาย่ามีพื้นที่สวยงาม น่าจะจัดทำโครงการอะไรสักอย่างเพื่ออนุรักษ์ป่า ดังนั้น แม่ทัพภาคที่ 1 และผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์จึงตกลงใจกันสร้างพระตำหนักเขาค้อขึ้นเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สำหรับใช้ประทับแรมในโอกาสที่พระองค์ท่านเสด็จฯ ทรงตรวจเยี่ยมงานในโครงการพระราชดำริ และทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ มาทรงประกอบพิํธีเปิดตำหนักเขาค้อ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2528 ปัจจุับันพระตำหนักเขาค้อยังคงทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย เพราะบริเวณโดยรอบพระตำหนักฯ เต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสวยงามหลากหลายชนิดมีต้นสนป่าที่เรียงรายกันเป็นแนวยาว แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นสุดยอดของที่นี่คือ ยอดเขาย่า ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นทัศนียภาพชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามในแบบ 360 องศาของเมืองเขาค้อ หรือ "สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย"
สวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย...เส้นทางสายโรแมนติก
สวิสเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย คือบทสรุปในนิยามของความเป็น "เขาค้อ" ด้วยเพราะความงามของภูมิประเทศที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดแห่งทะเลภูเขา หญ้าสลับซับซ้อนสองข้างทางเป็นป่าหญ้า ไร่นาเขียวเขียวขจี ไม่ว่าฤดูไหนๆ เขาค้อก็มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่กลางคืนมีอุณหภูมิเฉลี่ย 3-5 องศา ส่งผลให้ยามเช้าภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือทะเลหมอกที่สวยงาม หรือบรรยากาศยามเย็น ยลพระอาทิตย์ตกดินทอแสงสีแดงชมพูอาบทะเลภูเขา และด้วยความงดงามของธรรมชาติที่ไม่เป็นสองรองใคร จึงไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่า นี่คือ "เส้นทางสายโรแมนติก" ที่เหมาะสำหรับขับรถเปิดกระจกรับลมหนาว สูดอากาศที่บริสุทธิ์ให้เต็มปอดขณะขับรถเที่ยวเลียบเลาะชมวิวทิวทัศน์ในระหว่างเดินทางไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ที่มีอยู่มากมาย เช่น การแวะไปสักการะเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ และพระบรมเจดีย์กาญจนาภิเษก เพื่อความเป็นสิริมงคลหรือจะเป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตร อย่างการเที่ยวชมไร่ บี.เอ็น. ชมและชอปปิ้งให้หนำใจกับพืชพันธุ์ไม้เมืองหนาว ทั้งอะโวคาโด สตรอเบอรี่ ลิ้นจี่ แครอท บีตรูต ฯลฯ
จุดชมวิวเขาค้อ
...สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย...ย่อมมีจุดชมวิวที่สวยงามหลายแห่งให้ได้บันทึกภาพแห่งความประทับใจ เช่น ตรมข้ามสถานีอนามัยเขาค้อ...ร้านคอฟฟี่ฮิลล์...บริเวณหอสมุดนานาชาติเขาค้อ...ระหว่างทางลงจากยอดเขาทางไปน้ำตกศรีดิษฐ์...เนินทุ่งบัวตอง...ทางไปหนองแม่นา...เขาค้อทะเลหมอก...อ่างเก็บน้ำรัตนตรัย...
มนต์เสน่ห์ของ "เขาค้อ" ที่ไม่มีวันแปรเปลี่ยนได้มีผลทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่อย่างต่อเนื่อง ว่ากันว่ามีเม็ดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวต่อปีอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท ทำให้วันนี้เขาค้อมีรีสอร์ทผุดขึ้นมากมาย หลากหลายสไตล์หลากหลายราคา รวมไปถึงรูปแบบของการท่องเที่ยวที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น กิจกรรมกลางแจ้งแนวผจญภัยที่ภูแก้ว แอดเวนเจอร์ ปาร์ค ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสนุกสนานเร้าใจ ตื่นเต้น และหวาดเสียวกับกิจกรรม Rope Challenge High Flying ผาดโผนไปกับการเหินเวหายาวกว่า 150 เมตร ข้ามทะเลสาบ ท้าความเร็วกับ "เลื่อนภูเขาความเร็วสูง: กับ Mountain Speed Luge หรือสกีบก และกิจกรรมท้าทายอีกมากมาย สัมผัสได้ที่ภูแก้ว แอดเวนเจอร์ ปาร์ค
หรือจะเป็นกิจกรรม ล่องแก่งบางระจัน...ตามหาแมงกะพรุน ที่บ้านหนองแม่นา เกาะแก่งหินที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปีและเป็นต้นธารของลำน้ำเข็ก การล่องแก่งบางระจันมีไฮไลต์อยู่ที่แก่งสอง เป็นที่ที่เราจะได้ชมแมงกะพรุนน้ำจืดซึ่งพบในเมืองไทยเป็นที่ 5 ของโลก(พบได้ในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม) นอกจากนี้ยังมีผีเสื้อพันธุ์หากยากหลายพันธุ์ การมาพักผ่อนที่ "เขาค้อ" จึงเป็นการพักผ่อนแบบเต็มรูปแบบ คุ้มค่าเวลาแห่งการพักผ่อนที่คุณรอคอยมาแสนนอก สมดังคำกล่าวที่ว่า "นอนเขาค้อหนึ่งคืน อายุยืนเพิ่มอีก 1 ปี" เขาค้อวันนี้จึงเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่คอยการต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวเช่นคุณ
การเดินทาง....สู่เขาค้อ
เส้นทางที่ 1 จากเพชรบูรณ์ไปเขาค้อใช้ทางหลวงหมายเลข 21 เส้นเพชรบูรณ์-หล่มสัก ถึงสามแยกนางั่ว ระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2258 อีก 30 กิโลเมตร
เส้นทางที่ 2 จากทางหลวงหมายเลข 12 เ้ส้นพิษณุโลก-หล่มสัก บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 100 บ้านแคมป์สน เลี้ยวเข้าเขาค้อตามทางหลวงหมายเลข 2196 อีก 33 กิโลเมตร เส้นทางนี้จะผ่านที่พักรีสอร์ทหลายแห่ง
* หมายเหตุ : นักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยรถประจำทาง สามารถติดต่อรถสองแถวขึ้นเขาค้อได้ที่ บริษัท เขาค้อเดินรถ จำกัด โทร 0-5672-8270
ข้อมูลและภาพ: คู่มือท่องเที่ยวเพชรบูรณ์ ฉบับที่ 2 "เที่ยว กิน...นอน ตะลอนทัวร์เพชรบูรณ์"
จ. | อ. | พ. | พฤ | ศ. | ส. | อา |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |